เดือนนี้เรามาเน้นเรื่องจักรวาลและอวกาศกันบ้าง
เริ่มต้นด้วยเรื่องของ "สสารมืด"
เพราะช่วงนี้สสารมืดนี่เป็นอะไรที่เหมือนใกล้จะพบแล้วแต่ยังยืนยันไม่ได้
สนิทซักที
ประเมินกันว่าสสารที่เรามองเห็นนั้นมีเพียง 5% ดังนั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้อีก 95% และคาดว่าเป็นสสารมืด 25%
ประเมินกันว่าสสารที่เรามองเห็นนั้นมีเพียง 5% ดังนั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้อีก 95% และคาดว่าเป็นสสารมืด 25%
สสารมืดคืออะไร?
สสาร
มืดคือสสารที่เรามองไม่เห็นมัน แต่มีผลกระทบต่อเอกภพ
สสารมืดไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด แต่ก่อนเราจัดว่า หลุมดำ
ดาวแคระขาว และดาวนิวตรอน เป็นส่วนหนึ่งของสสารมืด
(เราเรียกของพวกนี้ว่าวัตถุแฮโลมวลหนาแน่นสูง : MACHO)
แต่มันก็ดูจะมีน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับมวลของเอกภพที่หายไป
ยังถือว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น
จึงคาดกันว่าสสารมืดน่าจะประกอบด้วยอย่างอื่นอีก
และเชื่อว่าน่าจะมีอนุภาคที่เรายังไม่รู้จักเป็นสสารมืด
ทำไมถึงคิดว่ามีสสารมืดทั้งที่ไม่เคยพบเห็น?
นักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นว่ามีพลังงานบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเอกภพ เช่น
โดยปกติแล้ววิถีโคจรของดาวต่างๆในดาราจักรรูปเกลียวอย่างทางช้างเผือก
ดาวที่อยู่นอกสุด จะโคจรช้าอย่างดาวที่อยู่ชั้นในสุด
ไม่เช่นนั้นมันจะถูกเหวียงให้หลุดออกไป
แต่จากการตรวจสอบพบว่ามันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้เคียงกันและมันก็ยังคง
อยู่ตรงนั้น ซึ่งจะต้องหมายความว่ามีแรงลึกลับบางอย่างดึงมันเอาไว้
เพราะสสารทั้งหมดที่เรามองเห็นได้มีแรงไม่เพียงพอ
นักวิทยาศาสตร์คนแรกที่สังเกตเห็นสิ่งนี้คือ ฟริตซ์ ซวิกกี (1933)
เขาคำนวณว่ากระจุกดาราจักรทั่วไปมันจะคงสภาพในแบบที่มันเป็นอยู่ได้จะต้องมี
สสารมากกว่าที่เรามองเห็นอย่างน้อย 400 เท่า
และเขาเป็นคนแรกที่เรียกสิ่งเหล่านั้นว่า "สสารมืด (dark matter)"
ตอนนั้นใครๆก็ไม่ชอบทฤษฎีนี้ จนกระทั่งทศวรรษ 1970
มีหลักฐานหลายอย่างสนันสนุนความเป็นไปได้ของมัน
และนักวิทยาศาสตร์ในยุคต่อมาก็เริ่มยอมรับว่ามันมีอยู่จริง
นักฟิสิกส์แข่งกันไล่จับวิญญาณ
ปัจจุบัน
เป็นที่ยอมรับกันโดยส่วนใหญ่แล้วว่าสสารมืดนั้นมีอยู่จริงแน่นอน
แต่ยังไม่มีใครพบมันจริงๆสักที ดังนั้น
จึงเชื่อกันว่าสสารมืดหากไม่นับพวกวัตถุแฮโลมวลหนาแน่นสูงแล้ว
มันก็น่าจะเป็นอนุภาคที่ยังไม่ได้อยู่ในแบบจำลองมาตรฐาน (Standard Model คล้ายคลึงกับการจัดตารางธาตุ แต่เป็นตารางอนุภาคมูลฐาน)
แล้วเราจะหามันพบได้อย่างไร?
นัก
ฟิสิกส์เชื่อว่าสิ่งที่เรียกว่าสสารมืดที่กำลังค้นหากันอยู่นั้นคือ
อนุภาคที่เรียกว่า "อนุภาคมวลสูงที่ทำอันตรกิริยาแบบอ่อน (weakly
interacting massive particles)" เรียกย่อว่า "WIMPs"
เพราะมันส่งผลต่อแรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลียร์แบบอ่อน
แต่ไม่มีผลกระทบต่อแรงนิวเคลียร์แบบเข้ม และแรงแม่เหล็กไฟฟ้า
จึงยากมากที่เราจะตรวจพบมันได้ (นอกจากนี้ยังอาจมีในรูปแบบอื่นๆอีก)
แต่หลังจากการค้นพบฮิกส์ โบซอน (อนุภาคมูลฐานที่ไขปริศนาเรื่องมวลของสสาร)
ทุกคนก็แข่งกันไล่จับสสารมืด
เขาทำยังไงกันบ้าง?
จะเรียกว่าพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหาก็คงไม่ผิด เพราะต่างฝ่ายต่างก็งัดกลยุทธ์ต่างๆที่คิดว่าจะได้ผลเพื่อเสาะหาสิ่งที่ไม่ เคยเห็นตัวตนนี้
- ปฏิบัติการค้นหาใต้ดิน
เนื่อง
จาก WIMPs
ต่างจากอนุภาคอื่นตรงที่มันทะลุได้แทบทุกอย่างและจะไม่ช้าลงเมื่อผ่านชั้น
หินหรือสสารธรรมดาๆ
ส่วนมากจึงนิยมตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจจับมันกันใต้ดิน
เพื่อป้องกันอนุภาคอื่นๆที่ไม่ใช่สสารมืดมารบกวนให้เกิดความผิดพลาดสับสน
เช่น
ที่เทือกเขากรันซัสโซของอิตาลี
มีการสร้างห้องปฏิบัติการพิเศษลึกลงไปใต้ผิวดิน 1,400 เมตร
เครื่องตรวจจับเป็นกล่องเหล็กทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีน้ำล้อมรอบ
ภายในบรรจุอาร์กอนเหลวและก๊าซอาร์กอน
พวกเขาตั้งความหวังว่าอนุภาคของสสารมืดสักตัวหนึ่งอาจจะชนกับอะตอมของ
อาร์กอน และเครื่องตรวจวัดแสงจะตรวจจับแสงวาบที่เกิดจากการชนได้
แต่การทดลองนี้ยังไม่เคยประสบผลสำเร็จ
อเมริกาก็มีห้องปฏิบัติการทำนองนี้อยู่ใต้ดินหลายแห่ง
ส่วนมากจะสร้างไว้ใต้เหมืองร้าง
- ปฏิบัติการค้นหาด้วยเครื่องเร่งอนุภาค
ศูนย์
วิจัยอนุภาคนานาชาติอย่างเซิร์น (CERN)
ที่เพิ่งค้นพบฮิกส์โบซอนไปก็ไม่พลาดการแข่งขันในครั้งนี้อย่างแน่นอน
โดยพยายามใช้วิธีเดียวกับการค้นพบฮิกส์ฯ
นั่นคือการใช้เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (LHC)
เร่งโปรตอนจนมีความเร็วสูงมากๆและทำให้เกิดการชนกัน
ซึ่งในการชนกันของโปรตอนจะเกิดอนุภาคอื่นๆมากมาย
ส่วนมากจะเป็นอนุภาคที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว
แต่นานๆครั้งเราก็จะพบอนุภาคที่หายากหรือสิ่งที่เราไม่รู้จัก
พวกเขาหวังว่าจะมีโอกาสพบ WIMPs
แม้ว่ามันจะทำปฏิกิริยากับสสารปกติน้อยมากก็ตาม
ในเรื่องนี้ดูเหมือนเซิร์นก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
- ปฏิบัติการค้นหาทางอากาศ
สถานี
อวกาศนานาชาติ (ISS) มีการติดตั้งเครื่องมือที่เรียกว่า
"เครื่องตรวจวัดอัลฟาแมกเนติกสเปกโทรมิเตอร์(AMS)"
สามารถตรวจจับอนุภาคจากรังสีคอสมิกแล้ววัดพลังงานและประจุของมันได้
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทดลองเกี่ยวกับเครื่องตรวจวัดนี้ได้เคยตีพิมพ์ผลการ
ทดลองบางอย่างซึ่งบ่งชี้ว่าบางครั้งก็เกิดการชนกันของอนุภาคบางอย่างที่ก่อ
ให้เกิดโพซิตรอนและอิเล็กตรอน และอนุภาคนั้นอาจเป็น WIMPs
ซึ่งหากเป็นจริงมันก็อาจช่วยยืนยันได้ว่าสสารมืดในรูปของ WIMPs
นั้นกระจายอยู่ทั่วเอกภพ แต่ทั้งนี้ยังสรุปไม่ได้ต้องมีการตรวจวัดอีกมาก
แล้วได้เจอมันบ้างหรือเปล่า?
เมื่อเดือนเมษายน 2013
ผู้ร่วมการทดลองในโครงการค้นหาสสารมืดด้วยเครื่องตรวจจับความเย็นยิ่งยวด
(CDMS) ที่มินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ได้ตีพิมพ์ผลการทดลองที่บอกว่า
พวกเขาเชื่อว่าได้พบและตรวจจับสสารมืดได้แล้ว
โดยให้น้ำหนักผลการทดลองของตนเองถึง 98% แต่ก่อนหน้านั้น CDMS
ก็เคยตีพิมพ์อะไรทำนองนี้ออกมาแล้วและปรากฏว่าเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด
ดังนั้นพวกเขาจึงยังต้องการเวลาเพื่อทำการทดลองเพิ่มขึ้นอีกสำหรับการยืนยัน
ผลการทดลองดังกล่าว
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาก็มีหลายเหตุการณ์ที่สงสัยกันว่ามันน่าจะเป็นการ
ยืนยันการมีอยู่ของสสารมืดได้ แม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนนัก
แต่ด้วยเหตุผลหลายประการเราถือได้ว่าการค้นพบสสารมืดเข้าใกล้ความเป็นจริง
มากแล้ว
หากเราพบมันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
1. ถ้าเราสามารถไขปริศนาเรื่องสสารมืดได้ เราจะรู้จักเอกภพมากขึ้นถึงร้อยละ 25 ซึ่งก็ถือว่ามากกว่าที่เรารู้อยู่ตอนนี้มากเลย
2. สสารมืดจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดจักรวาล เราสามารถบอกได้ว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง
3.
เราจะมีแบบจำลองมาตรฐานของอนุภาคมูลฐานที่สมบูรณ์มากขึ้น
ซึ่งน่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายและไขความลับของจักรวาลได้มากมายทีเดียว
--------------------------------------------
อธิบายเพิ่มเติม:
- แรงโน้มถ่วง (ส่งผลต่อการหมุนของดาราจักร)
- แรงนิวเคลียร์อ่อน (มีบทบาทในการสลายตัวของกัมมันตรังสี)
- แรงนิวเคลียร์เข้ม (ยึดนิวเคลียสของอะตอมเข้าด้วยกัน)
- แรงแม่เหล็กไฟฟ้า (มีผลต่อพันธะเคมีและแรงเสียดทาน)
- แรงนิวเคลียร์อ่อน (มีบทบาทในการสลายตัวของกัมมันตรังสี)
- แรงนิวเคลียร์เข้ม (ยึดนิวเคลียสของอะตอมเข้าด้วยกัน)
- แรงแม่เหล็กไฟฟ้า (มีผลต่อพันธะเคมีและแรงเสียดทาน)
photo: Maxwell Hamilton
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://en.wikipedia.org/wiki/Dark_matter
http://science.nasa.gov/astrophysics/focus-areas/what-is-dark-energy/
http://www.theguardian.com/science/2014/oct/16/dark-matter-detected-sun-axions
http://en.wikipedia.org/wiki/Dark_matter
http://science.nasa.gov/astrophysics/focus-areas/what-is-dark-energy/
http://www.theguardian.com/science/2014/oct/16/dark-matter-detected-sun-axions